h-index คืออะไร
Page 1 of 1
h-index คืออะไร
เรียน ดร.ปฏิพัทธ์
มีข้อสงสัยว่า เวลาไปดูในฐานข้อมูล ISI , SCOPUS มีการคำนวณ h-index ด้วย
อยากทราบว่าคืออะไร และมีวิธีการคำนวณอย่างไร และที่สำคัญถ้ามี h-index สูงๆ เช่น 7-8-9 หมายถึงอะไร
มีข้อสงสัยว่า เวลาไปดูในฐานข้อมูล ISI , SCOPUS มีการคำนวณ h-index ด้วย
อยากทราบว่าคืออะไร และมีวิธีการคำนวณอย่างไร และที่สำคัญถ้ามี h-index สูงๆ เช่น 7-8-9 หมายถึงอะไร
SLP- Guest
H-index?
หวัดดีครับคุณ SLP
เป็นคำถามที่ดีครับ โดยความคิดส่วนตัวครับ ใน มจพ. มีอาจารย์ 2,400 คน แต่ผมว่าคนรู้ว่า h-index คืออะไร
มีไม่ถึง 10 คนครับ
เข้าเรื่องดีกว่า ทั่วโลกมีการเผยแพร่ผลงานวิจัยกันเยอะ
และเริ่มมีการแข่งขันกัน (ทางอ้อม) ว่านักวิจัยแต่ละคน คนไหนมีผลงานเด่นกว่ากันครับ
การชี้วัดผลงาน มี 2 อย่างคือ ปริมาณและคุณภาพ
ปริมาณคือจำนวนบทความที่ตีพิมพ์ ตีพิมพ์เยอะคือผลงานเยอะ
คุณภาพคือการที่บทความนั้นถูกนำไปใช้ประโยชน์ ก็คือมีคนมาอ่านแล้วนำไปอ้างอิง
เหมือนกับเอาผลงานนั้นๆ ไปทำวิจัยต่อ เรียกง่ายว่า ถูกอ้างอิง (Citation)
ดังนั้น h-index ถูกคิดขึ้นมา เพื่อเปรียบเทียบนักวิจัยแต่ละคน
แต่มีเงื่อนไขว่า เราจะต้องเปรียบเทียบนักวิจัยแต่ละคนในสาขาเดียวกันเท่านั้น ห้ามเปรียบเทียบกันระหว่างสาขา
เช่นเราจะไม่เปรียบเทียบ Professor ทางด้านแพทย์กับวิศวกรรมไฟฟ้าครับ
เลข h-index จะเป็นตัวบอกได้ทั้งปริมาณและคุณภาพของนักวิจัยแต่ละคนได้เป็นอย่างดีครับ
การคำนวณทำได้ไม่ยากครับ เราไม่ต้องคำนวณเอง จะมีฐานข้อมูลคำนวณให้เรา
ซึ่งปัจจุบัน สกว. สกอ. สมศ. ใช้ฐานข้อมูลของ ISI (http://apps.isiknowledge.com) เป็นฐานข้อมูลงานวิจัยกลาง
อธิบายง่ายๆ
ตัวอย่างที่ 1
นาย A มี h-index = 5 เราเทียบเคียงได้ว่า นาย A มี papers ทั้งหมด 5 papers
แต่ละ papers ถูกอ้างอิง (Cited) อย่างน้อย papers ละ 5 ครั้ง
ตัวอย่างที่ 2
ผมทดลอง search จากฐานข้อมูลจริงใน ISI ผมอยากจะทราบผลงานวิจัยของ Prof.Dr.BK Bose ซึ่งแสดงดังภาพด้านล่าง
พบว่า Bose BK มีผลงานทั้งหมด 13 papers ทั้งแต่ปี 2001 - 2010
และถูก Citations ร่วมทุก papers จำนวน 185 ครั้ง แต่ละ paper มีการถูก Citations ไม่เท่ากันแสดงเรียงลำดับดังตาราง
Papers ที่ถูกอ้างอิงสูงสุด จำนวน 51 ครั้ง
รองลงมาลำดับที่สอง คือ 42 ครั้ง
จากตารางเราสรุปได้ว่า Bose BK มีค่า h-index = 6 ซึ่งเทียบเคียงได้ว่า Bose BK มีบทความ 6 papers แต่ละ paper ถูกอ้างอิงมากกว่า 6 ครั้ง
ที่จริงไม่มีวิธีการคำนวณอะไรซับซ้อน แค่ดูจากตาราง วิธีการดูคือไล่จากบนลงล่าง
Paper ลำดับที่ 1 มี Citations = 51 ครั้ง เราเห็นเลขนี้เราเขียนก่อนว่า มี h-index = 1 (1<51 OK) แต่พอดูลำดับที่ 2
Paper ลำดับที่ 2 มี Citations = 42 ครั้ง เราเห็นเลขนี้เราเขียนก่อนว่า มี h-index = 2 (2<42 OK)
ทำอย่างนี้ไปเรื่อยๆ
Paper ลำดับที่ 6 มี Citations = 8 ครั้ง เราเห็นเลขนี้เราเขียนก่อนว่า มี h-index = 6 (6< 8 OK) แต่พอดูลำดับที่ 7
Paper ลำดับที่ 7 มี Citations = 5 ครั้ง พอเราเห็นเลขนี้เราไม่สามารถเขียนว่า มี h-index = 7 (7< 5 Not OK!!!!)
สังเกตดีๆ นะครับ Paper ลำดับที่ 6 ถูกอ้างอิงจำนวน 8 ครั้ง
และPaper ลำดับที่ 7 ถูกอ้างอิงจำนวน 5 ครั้ง
จากตัวเลขในตาราง บอกได้เลยว่า Bose BK มี h-index = 6
และถ้าเมื่อไรก็ตาม Paper ลำดับที่ 7 ถูกอ้างอิงจำนวน 7 ครั้ง Bose BK มี h-index = 7 ทันที
เช่นเดียวกัน ถ้าเมื่อไรก็ตาม Paper ลำดับที่ 7 และลำดับที่ 8 ถูกอ้างอิงอย่างน้อย paper ละจำนวน 8 ครั้ง Bose BK มี h-index = 8 ทันที
ตามตาราง Bose BK จะมี h-index = 9 ได้ก็ต่อเมื่อ
Paper ลำดับที่ 6 ลำดับที่ 7 ลำดับที่ 8 และลำดับที่ 9 ถูกอ้างอิงอย่างน้อยจำนวน 9 ครั้ง
น่าจะชัดเจนนะครับ วิธีการคำนวณค่า h-index
ข้อสังเกตุคือการจะเพิ่มค่า h-index แต่ละค่าไม่ง่ายเลยนะครับ ดังตัวอย่างด้านบนการจะมีค่าเพิ่มจาก 8 ไปเป็น 9
ดังนั้นเลข h-index จะเป็นเลขตัวชี้ทั้งปริมาณและคุณภาพได้เป็นอย่างดีครับ
เช่น
นาย A มี papers ทั้งหมด 30 papers แต่ไม่มีคน citations เลย นั้นก็หมายความว่ามี h-index = 0
นาย Bose BK มี papers แค่ 13 papers ดังตัวอย่างด้านบนมี h-index = 6
ในวงการ เราสรุปได้ว่า Bose BK มีผลงานดีกว่านาย A
เพราะ h-index สูงกว่า งานมีคุณภาพมากกว่าเพราะมีคนอ้างอิงเยอะกว่า
ขอบคุณครับ
อาจารย์พัท
เป็นคำถามที่ดีครับ โดยความคิดส่วนตัวครับ ใน มจพ. มีอาจารย์ 2,400 คน แต่ผมว่าคนรู้ว่า h-index คืออะไร
มีไม่ถึง 10 คนครับ
เข้าเรื่องดีกว่า ทั่วโลกมีการเผยแพร่ผลงานวิจัยกันเยอะ
และเริ่มมีการแข่งขันกัน (ทางอ้อม) ว่านักวิจัยแต่ละคน คนไหนมีผลงานเด่นกว่ากันครับ
การชี้วัดผลงาน มี 2 อย่างคือ ปริมาณและคุณภาพ
ปริมาณคือจำนวนบทความที่ตีพิมพ์ ตีพิมพ์เยอะคือผลงานเยอะ
คุณภาพคือการที่บทความนั้นถูกนำไปใช้ประโยชน์ ก็คือมีคนมาอ่านแล้วนำไปอ้างอิง
เหมือนกับเอาผลงานนั้นๆ ไปทำวิจัยต่อ เรียกง่ายว่า ถูกอ้างอิง (Citation)
ดังนั้น h-index ถูกคิดขึ้นมา เพื่อเปรียบเทียบนักวิจัยแต่ละคน
แต่มีเงื่อนไขว่า เราจะต้องเปรียบเทียบนักวิจัยแต่ละคนในสาขาเดียวกันเท่านั้น ห้ามเปรียบเทียบกันระหว่างสาขา
เช่นเราจะไม่เปรียบเทียบ Professor ทางด้านแพทย์กับวิศวกรรมไฟฟ้าครับ
เลข h-index จะเป็นตัวบอกได้ทั้งปริมาณและคุณภาพของนักวิจัยแต่ละคนได้เป็นอย่างดีครับ
การคำนวณทำได้ไม่ยากครับ เราไม่ต้องคำนวณเอง จะมีฐานข้อมูลคำนวณให้เรา
ซึ่งปัจจุบัน สกว. สกอ. สมศ. ใช้ฐานข้อมูลของ ISI (http://apps.isiknowledge.com) เป็นฐานข้อมูลงานวิจัยกลาง
อธิบายง่ายๆ
ตัวอย่างที่ 1
นาย A มี h-index = 5 เราเทียบเคียงได้ว่า นาย A มี papers ทั้งหมด 5 papers
แต่ละ papers ถูกอ้างอิง (Cited) อย่างน้อย papers ละ 5 ครั้ง
ตัวอย่างที่ 2
ผมทดลอง search จากฐานข้อมูลจริงใน ISI ผมอยากจะทราบผลงานวิจัยของ Prof.Dr.BK Bose ซึ่งแสดงดังภาพด้านล่าง
พบว่า Bose BK มีผลงานทั้งหมด 13 papers ทั้งแต่ปี 2001 - 2010
และถูก Citations ร่วมทุก papers จำนวน 185 ครั้ง แต่ละ paper มีการถูก Citations ไม่เท่ากันแสดงเรียงลำดับดังตาราง
Papers ที่ถูกอ้างอิงสูงสุด จำนวน 51 ครั้ง
รองลงมาลำดับที่สอง คือ 42 ครั้ง
จากตารางเราสรุปได้ว่า Bose BK มีค่า h-index = 6 ซึ่งเทียบเคียงได้ว่า Bose BK มีบทความ 6 papers แต่ละ paper ถูกอ้างอิงมากกว่า 6 ครั้ง
ที่จริงไม่มีวิธีการคำนวณอะไรซับซ้อน แค่ดูจากตาราง วิธีการดูคือไล่จากบนลงล่าง
Paper ลำดับที่ 1 มี Citations = 51 ครั้ง เราเห็นเลขนี้เราเขียนก่อนว่า มี h-index = 1 (1<51 OK) แต่พอดูลำดับที่ 2
Paper ลำดับที่ 2 มี Citations = 42 ครั้ง เราเห็นเลขนี้เราเขียนก่อนว่า มี h-index = 2 (2<42 OK)
ทำอย่างนี้ไปเรื่อยๆ
Paper ลำดับที่ 6 มี Citations = 8 ครั้ง เราเห็นเลขนี้เราเขียนก่อนว่า มี h-index = 6 (6< 8 OK) แต่พอดูลำดับที่ 7
Paper ลำดับที่ 7 มี Citations = 5 ครั้ง พอเราเห็นเลขนี้เราไม่สามารถเขียนว่า มี h-index = 7 (7< 5 Not OK!!!!)
สังเกตดีๆ นะครับ Paper ลำดับที่ 6 ถูกอ้างอิงจำนวน 8 ครั้ง
และPaper ลำดับที่ 7 ถูกอ้างอิงจำนวน 5 ครั้ง
จากตัวเลขในตาราง บอกได้เลยว่า Bose BK มี h-index = 6
และถ้าเมื่อไรก็ตาม Paper ลำดับที่ 7 ถูกอ้างอิงจำนวน 7 ครั้ง Bose BK มี h-index = 7 ทันที
เช่นเดียวกัน ถ้าเมื่อไรก็ตาม Paper ลำดับที่ 7 และลำดับที่ 8 ถูกอ้างอิงอย่างน้อย paper ละจำนวน 8 ครั้ง Bose BK มี h-index = 8 ทันที
ตามตาราง Bose BK จะมี h-index = 9 ได้ก็ต่อเมื่อ
Paper ลำดับที่ 6 ลำดับที่ 7 ลำดับที่ 8 และลำดับที่ 9 ถูกอ้างอิงอย่างน้อยจำนวน 9 ครั้ง
น่าจะชัดเจนนะครับ วิธีการคำนวณค่า h-index
ข้อสังเกตุคือการจะเพิ่มค่า h-index แต่ละค่าไม่ง่ายเลยนะครับ ดังตัวอย่างด้านบนการจะมีค่าเพิ่มจาก 8 ไปเป็น 9
ดังนั้นเลข h-index จะเป็นเลขตัวชี้ทั้งปริมาณและคุณภาพได้เป็นอย่างดีครับ
เช่น
นาย A มี papers ทั้งหมด 30 papers แต่ไม่มีคน citations เลย นั้นก็หมายความว่ามี h-index = 0
นาย Bose BK มี papers แค่ 13 papers ดังตัวอย่างด้านบนมี h-index = 6
ในวงการ เราสรุปได้ว่า Bose BK มีผลงานดีกว่านาย A
เพราะ h-index สูงกว่า งานมีคุณภาพมากกว่าเพราะมีคนอ้างอิงเยอะกว่า
ขอบคุณครับ
อาจารย์พัท
Last edited by Pompidou on Tue Feb 15, 2011 9:08 am; edited 1 time in total
H-index mania?
เราอาจจะคิดว่าการตีพิมพ์ใน Inter. Journals นั้นยาก
แต่ที่ยากกว่าการถูกอ้างอิงผลงาน หรือง่ายๆ ก็คือการมี h-index สูงๆ นั้นเองครับ
ใครจะมาอ่านผลงานของเรา ใครจะเอางานของเราไปใช้ต่อ ใครมาวิเคราะห์ผลงานเราว่าดีไม่ดี เด่นไม่เด่น
ยากจริงๆ ครับ เหนือการควบคุมของเรา ปล่อยตามธรรมชาติครับ
Thanks
อาจารย์พัท
แต่ที่ยากกว่าการถูกอ้างอิงผลงาน หรือง่ายๆ ก็คือการมี h-index สูงๆ นั้นเองครับ
ใครจะมาอ่านผลงานของเรา ใครจะเอางานของเราไปใช้ต่อ ใครมาวิเคราะห์ผลงานเราว่าดีไม่ดี เด่นไม่เด่น
ยากจริงๆ ครับ เหนือการควบคุมของเรา ปล่อยตามธรรมชาติครับ
Thanks
อาจารย์พัท
จุดบอดของ h-index
การคำนวณ h-index ควรคัดการอ้างอิงตัวเอง (self citations) ออกไป
ปัจจุบัน ยังนับการอ้างอิงตัวเองอยู่ครับ
อนาคต น่าจะมีการปรับปรุงครับ
ปัจจุบัน ยังนับการอ้างอิงตัวเองอยู่ครับ
อนาคต น่าจะมีการปรับปรุงครับ
h-index
ขอบคุณมากค่ะ ดร.ปฏิพัทธ์ ได้ความรู้และเข้าใจมากขึ้นเยอะเลย
ดังนั้นถ้าจะบอกว่าการเป็นนักวิจัยดีเด่นได้ ก็ไม่ใช่มีจำนวน paper ใน ISI จำนวนมากอย่างเดียว แต่จะต้องดูที่ h-index ด้วยถึงจะถูกต้อง
ดังนั้นถ้าจะบอกว่าการเป็นนักวิจัยดีเด่นได้ ก็ไม่ใช่มีจำนวน paper ใน ISI จำนวนมากอย่างเดียว แต่จะต้องดูที่ h-index ด้วยถึงจะถูกต้อง
SLP- Guest
h-index
เรียน ดร.ปฏิพัทธ์ มี h-index ตั้ง 9 แล้ว ถือว่าเป็นนักวิจัยที่ดีเด่น แล้วใช่ไหม และงานที่ทำก็มีคนสนใจมาอ่านด้วย แล้วเมื่อไหร่ ดร.ปฏิพัทธ์ จะมี h-index ถึง 10
Honney- Guest
H-index maniac?
โดยข้อคิดเห็นส่วนตัว
เกณฑ์การตัดสินนักวิจัยดีเด่น ผมว่าควรมีหลายตัวชี้วัดครับ (Copy การจัด Rating ภาควิชาทั่วประเทศไทยของ สกว. ครับ)
เอาผลงาน 2 ปีย้อนหลังของนักวิจัยแต่ละคน มาประเมินกัน
ตัวชี้วัดที่ 1 (วัดปริมาณ) จำนวน Paper ใน ISI
ตัวชี้วัดที่ 2 ค่า Journal Impact Factor ทั้งหมด หรือค่า Impact Factor เฉลี่ย
ตัวชี้วัดที่ 3 (วัดคุณภาพ) ค่าจำนวนครั้ง Citations
ตัวชี้วัดที่ 4 (วัดคุณภาพ) ค่า h-index ของแต่ละคน
KPI 4 ตัวนี้สุดๆ เลยครับ ทุกตัวชี้วัดอยู่ใน ISI ทั้งหมดเลย ตรวจสอบได้เลย อยู่ที่ไหนก็ทำ Cross Check ได้ครับ
ก่อนการประเมิน ก็เชิญให้นักวิจัยที่ต้องการเข้าร่วมการประเมิน ส่งข้อมูล KPI 4 ตัวนี้ ให้คณะกรรมการและกรรมการ recheck ข้อมูล และแต่ละคนมีคะแนนแต่ละ KPI
คณะกรรมการเอาคะแนนของนักวิจัยแต่ละคนมาตัดเกรดแต่ละ KPI เช่น A, B+, B, C+, C, D+, D
แต่ละคนก็จะมีเกรดเฉลีย ใครเกรดมากสุดก็คือนักวิจัยดีเด่น
ขอบคุณครับ
อาจารย์พัท
เกณฑ์การตัดสินนักวิจัยดีเด่น ผมว่าควรมีหลายตัวชี้วัดครับ (Copy การจัด Rating ภาควิชาทั่วประเทศไทยของ สกว. ครับ)
เอาผลงาน 2 ปีย้อนหลังของนักวิจัยแต่ละคน มาประเมินกัน
ตัวชี้วัดที่ 1 (วัดปริมาณ) จำนวน Paper ใน ISI
ตัวชี้วัดที่ 2 ค่า Journal Impact Factor ทั้งหมด หรือค่า Impact Factor เฉลี่ย
ตัวชี้วัดที่ 3 (วัดคุณภาพ) ค่าจำนวนครั้ง Citations
ตัวชี้วัดที่ 4 (วัดคุณภาพ) ค่า h-index ของแต่ละคน
KPI 4 ตัวนี้สุดๆ เลยครับ ทุกตัวชี้วัดอยู่ใน ISI ทั้งหมดเลย ตรวจสอบได้เลย อยู่ที่ไหนก็ทำ Cross Check ได้ครับ
ก่อนการประเมิน ก็เชิญให้นักวิจัยที่ต้องการเข้าร่วมการประเมิน ส่งข้อมูล KPI 4 ตัวนี้ ให้คณะกรรมการและกรรมการ recheck ข้อมูล และแต่ละคนมีคะแนนแต่ละ KPI
คณะกรรมการเอาคะแนนของนักวิจัยแต่ละคนมาตัดเกรดแต่ละ KPI เช่น A, B+, B, C+, C, D+, D
แต่ละคนก็จะมีเกรดเฉลีย ใครเกรดมากสุดก็คือนักวิจัยดีเด่น
ขอบคุณครับ
อาจารย์พัท
h-index
เรียน ดร.ปฏิพัทธ์
ขอบคุณอีกครั้งค่ะ ชัดเจนมากเลย สำหรับเกณฑ์การตัดสิน อย่างนี้เราควรจะต้องมีการเผยแพร่ข้อมูลและแนวคิดให้รู้จักกันอย่างกว้างขวาง เพื่อประโยชน์ของนักวิจัยต่อไปนะคะ
ขอบคุณอีกครั้ง แต่อาจารย์พูดถึง citation คืออะไรคะ มาได้อย่างไร จำเป็นสำหรับการจัดลำดับด้วยใช่ไหมคะ
จากผู้อยากรู้และสงสัยมานาน
ขอบคุณอีกครั้งค่ะ ชัดเจนมากเลย สำหรับเกณฑ์การตัดสิน อย่างนี้เราควรจะต้องมีการเผยแพร่ข้อมูลและแนวคิดให้รู้จักกันอย่างกว้างขวาง เพื่อประโยชน์ของนักวิจัยต่อไปนะคะ
ขอบคุณอีกครั้ง แต่อาจารย์พูดถึง citation คืออะไรคะ มาได้อย่างไร จำเป็นสำหรับการจัดลำดับด้วยใช่ไหมคะ
จากผู้อยากรู้และสงสัยมานาน
SLP- Guest
Citations?
หวัดดีครับ คุณ SLP
Citation คือการอ้างอิงนั้นเอง
เวลาเราเขียนบทความ เวลาเราทำวิจัยเราไม่ได้คิดอะไรเองทั้งหมด
มีคนคิดหลายอย่างมาก่อนเรา และเรามาประยุกต์ใช้งานต่อ
ดังนั้นเวลาเขียนบทความเราก็ต้องอ้างอิงงานก่อนหน้านี้
หรือการทำ Literature Review คือการทบทวนงานวิจัยก่อนหน้านี้นั้นเอง เราต้องอ้างอิงงานเขา
อย่างเช่น Bose BK งานของเขาถูกอ้างอิงทั้งหมด 185 ครั้ง
บทความวิจัยต่างๆ จะมี Reference เป็นส่วนสุดท้ายของบทความ จะมีชื่อรายละเอียดของบทความงานวิจัยที่แต่ละ paperที่ถูกอ้างอิงนั้นเอง
ตัวอย่างเช่น บทความวิจัยของ Bose BK เรื่อง
Title: Neural network applications in power electronics and motor drives- An introduction and perspective
Source: IEEE TRANSACTIONS ON INDUSTRIAL ELECTRONICS Volume: 54 Issue: 1 Pages: 14-33 Published: FEB 2007
ถูกอ้างอิงจำนวน 1 ครั้งใน บทความวิจัย
Title: Neural Network Learning without Backpropagation
Author(s): Wilamowski BM, Yu H
Source: IEEE TRANSACTIONS ON NEURAL NETWORKS, Volume: 21, Issue: 11, Pages: 1793-1803, Published: NOV 2010
ดูรูปประกอบครับ
Link Photo
ดังนั้นการที่คนอื่นจะมาอ้างอิงงานของเรานั้นยากมากๆ ต้องตีพิมพ์ใน Journals ดังๆ และงานวิจัยต้องเด่นจริงๆ
เขาจึงจะอ้างอิงงานของเราครับ
จุดบอดของการจัดลำดับ ภาควิชาทั่วประเทศของ สกว. เมื่อปีที่แล้วคือ ไม่นำการ Citations มาคิด แต่ไม่แน่ครั้งต่อไปเขาอาจจะนำมาคิดด้วยครับ
สุดท้าย การคำนวณ Journal Impact Factor และ h-index คือการนำค่า Citations มาคำนวณนั้นเอง
อาจารย์พัท[/size]
Citation คือการอ้างอิงนั้นเอง
เวลาเราเขียนบทความ เวลาเราทำวิจัยเราไม่ได้คิดอะไรเองทั้งหมด
มีคนคิดหลายอย่างมาก่อนเรา และเรามาประยุกต์ใช้งานต่อ
ดังนั้นเวลาเขียนบทความเราก็ต้องอ้างอิงงานก่อนหน้านี้
หรือการทำ Literature Review คือการทบทวนงานวิจัยก่อนหน้านี้นั้นเอง เราต้องอ้างอิงงานเขา
อย่างเช่น Bose BK งานของเขาถูกอ้างอิงทั้งหมด 185 ครั้ง
บทความวิจัยต่างๆ จะมี Reference เป็นส่วนสุดท้ายของบทความ จะมีชื่อรายละเอียดของบทความงานวิจัยที่แต่ละ paperที่ถูกอ้างอิงนั้นเอง
ตัวอย่างเช่น บทความวิจัยของ Bose BK เรื่อง
Title: Neural network applications in power electronics and motor drives- An introduction and perspective
Source: IEEE TRANSACTIONS ON INDUSTRIAL ELECTRONICS Volume: 54 Issue: 1 Pages: 14-33 Published: FEB 2007
ถูกอ้างอิงจำนวน 1 ครั้งใน บทความวิจัย
Title: Neural Network Learning without Backpropagation
Author(s): Wilamowski BM, Yu H
Source: IEEE TRANSACTIONS ON NEURAL NETWORKS, Volume: 21, Issue: 11, Pages: 1793-1803, Published: NOV 2010
ดูรูปประกอบครับ
Link Photo
ดังนั้นการที่คนอื่นจะมาอ้างอิงงานของเรานั้นยากมากๆ ต้องตีพิมพ์ใน Journals ดังๆ และงานวิจัยต้องเด่นจริงๆ
เขาจึงจะอ้างอิงงานของเราครับ
จุดบอดของการจัดลำดับ ภาควิชาทั่วประเทศของ สกว. เมื่อปีที่แล้วคือ ไม่นำการ Citations มาคิด แต่ไม่แน่ครั้งต่อไปเขาอาจจะนำมาคิดด้วยครับ
สุดท้าย การคำนวณ Journal Impact Factor และ h-index คือการนำค่า Citations มาคำนวณนั้นเอง
อาจารย์พัท[/size]
h-index ต่อ
เราอาจจะสงสัยว่า นักวิจัยแต่ละคนมี h-index จำนวนเท่าไร
ผมลองเข้าไปดูข้อมูลของ Professors ดังๆ หลายๆ ท่านทางด้านวิศวกรรมไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์
ขอเลยอนุญาตแสดงให้ดูดังนี้
คนที่ 1. Prof.Dr.Frede Blaabjerg
Univ Aalborg, Dept Energy Technol, DK-9220 Aalborg, Denmark
มี Paper = 141; Citations = 2,816; h-index = 27 (สูงมากกกกกกกกกกกกกก)
Link Photo
คนที่ 2. Prof.Dr.DC Jiles
Cardiff Univ, Sch Engn, Wolfson Ctr Magnet, Cardiff CF243AA, S Glam Wales
มี Paper = 104; Citations = 603; h-index = 12
Link Photo
คนที่ 3. Prof.Dr.Rik W. De Doncker
Univ Aachen, Rheinisch Westfalische Tech Hsch, EON Energy Res Ctr, Inst Power Generat & Storage Syst, D-52074 Aachen, Germany
มี Paper = 42; Citations = 669; h-index = 13
Link Photo
เราสังเกตุได้ว่าการจะมีเลข h-index สูงๆ นั้นยากมากๆ
อาจารย์พัท
ผมลองเข้าไปดูข้อมูลของ Professors ดังๆ หลายๆ ท่านทางด้านวิศวกรรมไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์
ขอเลยอนุญาตแสดงให้ดูดังนี้
คนที่ 1. Prof.Dr.Frede Blaabjerg
Univ Aalborg, Dept Energy Technol, DK-9220 Aalborg, Denmark
มี Paper = 141; Citations = 2,816; h-index = 27 (สูงมากกกกกกกกกกกกกก)
Link Photo
คนที่ 2. Prof.Dr.DC Jiles
Cardiff Univ, Sch Engn, Wolfson Ctr Magnet, Cardiff CF243AA, S Glam Wales
มี Paper = 104; Citations = 603; h-index = 12
Link Photo
คนที่ 3. Prof.Dr.Rik W. De Doncker
Univ Aachen, Rheinisch Westfalische Tech Hsch, EON Energy Res Ctr, Inst Power Generat & Storage Syst, D-52074 Aachen, Germany
มี Paper = 42; Citations = 669; h-index = 13
Link Photo
เราสังเกตุได้ว่าการจะมีเลข h-index สูงๆ นั้นยากมากๆ
อาจารย์พัท
Page 1 of 1
Permissions in this forum:
You cannot reply to topics in this forum
|
|