สิ่งประดิษฐ์แตกต่างจากงานวิจัยอย่างไร

[Kmitnb]

อาจารย์ครับช่วยอธิบายความแตกต่างของสิ่งประดิษฐ์กับงานวิจัยหน่อยครับ

[Pompidou]

สิ่งประดิษฐ์แตกต่างจากงานวิจัยอย่างไร?

ที่จริงอาจจะคล้ายๆ กันครับ

สิ่งประดิษฐ์คืองานชิ้นใหม่ที่เราคิดมาแล้วมีประโยชน์ดีกว่าของเดิม ดังนั้นงานชิ้นนี้เราต้องนำไปจดสิทธิบัตร (patent)
ถ้าใครจะนำไปประดิษฐ์ เพื่องานการค้าจะต้องจ่ายเงินให้กับเจ้าของสิ่งประดิษฐ์ ที่เราเรียกว่า ลิขสิทธิ์ (license)

ดังนั้น งานที่นำไปจดสิทธิบัตรส่วนใหญ่จะเป็นงานของบริษัทต่างๆ เมื่อสร้างผลิตภัณฑ์ใหม่ขึ้นมาก็ต้องไปจดสิทธิบัตร
ป้องกันการลอกเลียนแบบหรือถ้าบริษัทอื่นๆ ต้องการสร้างผลิตภัณฑ์นี้ด้วยก็ต้องไปซื้อลิขสิทธิ์แล้วจ่ายเงินให้กับเจ้าของครับ

[สิทธิบัตร (patent) หมายถึง หนังสือสำคัญที่รัฐออกให้เพื่อคุ้มครองการประดิษฐ์คิดค้นหรือการออกแบบผลิตภัณฑ์
ที่เกี่ยวกับการประดิษฐ์คิดค้นหรือการออกแบบ เพื่อให้ได้สิ่งของ เครื่องใช้หรือสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ
ที่เราใช้กันอยู่ในชีวิตประจำวัน เช่น การประดิษฐ์รถยนต์, โทรทัศน์, คอมพิวเตอร์, โทรศัพท์ ไม่ให้เหมือนของคนอื่น เป็นต้น]

ที่จริง ผมเองยังไม่เคยทำงานด้านสิทธิบัตรมาก่อน (เพราะไม่ได้รับ Shop จากบริษัทครับ 555) เห็นแต่คนอื่นเขาทำกัน

ผมยกตัวอย่างแรกให้ฟังครับ บริษัท Alcatel ที่ Paris จ้างให้ Prof.Davat (Professor ที่ปรึกษาผมเอง) และทีมงานออกแบบวงจรสำหรับ Balance แรงดัน
ใน Supercapacitor เมื่อได้วงจรใหม่ จึงไปจดสิทธิบัตร (ดังภาพด้านล่าง) หมายเลข US6664766 เจ้าของลิขสิทธิ์คือ บริษัท Alcatel









ซึ่งปัจจุบัน บริษัท Alcatel ได้ผลิตวงจรนี้ขายแล้ว และผมก็ใช้อยู่ อยู่ที่ห้องวิจัยที่ ฝรั่งเศส (ดังรูปด้านล่าง) ดังนั้นถ้ามีบริษัทอื่นต้องการผลิตวงจรเดียวกันแล้วขาย ก็ทำได้ครับโดยไปซื้อลิขสิทธิ์มาครับ ซึ่งมีการซื้อลิขสิทธิ์ กันเยอะแยะครับ และมีการละเมิดลิขสิทธิ์กันเยอะเช่นกัน 555

[Pompidou]

อีกตัวอย่างครับ ซึ่งนาย Ta-Yung Yang ออกแบบและสร้างวงจรแปลงไฟที่มีการแก้ Power Factor ที่เขาเรียกว่า PFC-PWM และได้จด Patent โดยบริษัท System General Corp. ของประเทศใต้หวัน แสดงตังรูปด้านล่างครับ บริษัทได้ผลิตอุปกรณ์ตัวนี้ขายแล้วครับ เขาเลยต้องจด Patent ป้องกันการเลียนแบบ ว่าเขาเป็นเจ้าของงานนี้

[Pompidou]

จากตัวอย่างด้านบน คงจะชัดเจนนะครับเรื่องสิ่งประดิษฐ์ แต่มีหลายคนยังหลงทางอีกเยอะครับ บ้านเรามีคนหลายคนนั่งจินตนาการอะไรขั้นมา แล้วสร้างสิ่งประดิษฐ์นั้นแล้วพยายามเอาไปจดสิทธิบัตร ซึ่งมันจะไม่เหมือนกับตัวอย่างข้างบ้นทั้ง 2 ตัวอย่าง ตัวอย่างข้างบนนั้นมีบริษัทผลิตอุปกรณ์ตัวนั้นแล้ว จึงจดสิทธิบัตรป้องกันลอกเลียนแบบ คนบ้านเราหลายๆ คนคิดอะไรขึ้น ฝันอะไรขึ้นมาแล้วพยายามจดสิทธิบัตร คำถามคือว่าแล้วจะมีใครมาซื้อสิทธิบัตรของคุณบ้างหรือเปล่า 10 ปี 20 ปี ถ้าไม่มีใครมาซื้อ license ก็เหลวครับ ความฝันลมๆ แล้งๆ

ดังนั้นตรงนี้ ผมบอกได้เลยว่าคนที่คิดค้นสิ่งประดิษฐ์ ต้องติดต่อบริษัทให้ได้ก่อนว่าเขาจะผลิตอุปกรณ์ตัวนั้น แล้ว Inventor กับ Assignee ก็ไปขอจด Patent หรือบริษัทติดต่อมาให้เราคิดค้นวงจรอะไรใหม่ๆ เมื่อทำได้แล้วก็ไปจด Patent

อย่าฝันลมๆ แล้งๆ

ผมมีอีกตัวอย่างครับ เมื่อปี 2009 ผมไปฝรั่งเศสที่ GREEN Lab. ก็ไปเจอกับ Prof. Serge Pierfederici ซึ่ง Prof. Serge บอกผมว่าเขาคิดวงจรเกี่ยวกับการลดการกระเพื่อมของกระแสได้ แต่ที่เขาคิดเป็นงานวิชาการเป็นงานวิจัย แต่เป็นวงจรใหม่และมีบริษัทมาเห็นเข้า บริษัทนี้เลยขอซื้องานนี้ไปจด Patent เพราะจะเอาไปสร้างวงจรนี้ขายครับ

น่าจะชัดเจนนะครับ

[Pompidou]

ในส่วนของงานวิจัย จะมีทฤษฎีเข้ามาอธิบายเยอะว่าเราคิดค้นอะไรใหม่ๆ วงจรอาจจะเป็นวงจรเดิม แต่มีการศึกษาเพิ่มเติม (ตัวอย่างด้านล่างเป็นงานวิจัยครับ ที่ตีพิมพ์ใน IEEE Transactions) เรื่อง PFC-PWM เช่นเดียวกันคล้ายๆ กับตัวอย่าง Patent ด้านบน

แต่ในงานวิจัยชิ้นนี้ศึกษาเกี่ยวกับเสถียรภาพในวงจร (Stability) เมื่อได้ผลลัพธ์ที่เป็นประโยชน์ต่อวงการวิชาการ ก็ต้องนำไปเผยแพร่คนอื่นจะได้เอาความรู้นี้ไปใช้ประโยชน์ต่อ เป็นข้อมูลความรู้มหาศาล คนอื่นๆ ไม่ต้องมาศึกษาเรื่องนี้อีก ทำให้ Technology พัฒนาไปได้เร็วครับ ยกตัวอย่างง่ายๆ สมัยก่อน โทรศัพท์มือถือเครื่องใหญ่มาก ราคาแพง แต่ปัจจุบัน เครื่องเล็ก ราคาถูก เพราะงานวิจัย และมีการเผยแพร่ข้อมูลกัน นักวิจัยแลกเปลี่ยนข้อมูลกันนั้นเองครับ นักวิจัยเอาความรู้ของคนอื่นมาพัฒนาต่อนั้นเอง ทำให้เราพัฒนาไปได้เร็วครับ











เนื่องจากงานชิ้นนี้พึ่งตีพิมพ์ อีกปีสองปี ก็จะมีคนเข้ามาอ้างอิง (Citations) เอางานนี้ไปใช้ประโยชน์ต่อครับ ทางวิชาการครับ

อีกตัวอย่างงานวิจัยเรื่อง
Title: Sensorless control of induction motor drives
Author(s): Holtz J
Source: PROCEEDINGS OF THE IEEE Volume: 90 Issue: 8 Pages: 1359-1394 Published: AUG 2002

งานชิ้นนี้ในฐานข้อมูล ISI ถูกอ้างอิงแล้ว 136 ครั้ง และ
ในฐานข้อมูล Scopus ถูกอ้างอิงแล้ว 209 ครั้ง (ข้อมูล 21 กพ. 2554)

ชัดเจนนะครับ การจด Patent มุ่งเน้นด้านการค้า ส่วนงานวิจัยตีพิมพ์มุ่งเน้นงานวิชาการ