นายกฯเงา-นายกฯเงี่ยน

[Pompidou]

“นายกฯเงา-นายกฯเงี่ยน” (เงี่ยนจะเป็น ‘นายกฯ’ อีกครั้ง!!!)

วาทตะวัน สุพรรณเภษัช

ก่อนที่จะเข้าประเด็นในวันนี้ ขอพูดถึงงานวิจัยที่น่าชวนหัวของ กัลยา “อาซิ้ม...ฮัว” โสภณพนิช (ชื่อจีนแกชื่อ ฮัว) ประธาน ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งให้บริษัท เอกชนทำเพื่อวิเคราะห์ว่า “เหตุใดถึงแพ้การเลือกตั้ง” พร้อมรายงาน ให้ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารพรรครับทราบ เมื่อวันที่ 31 ส.ค.ที่ผ่านมา

ผลการวิเคราะห์ของภาคเอกชน รายงานว่า ประชาชนส่วนใหญ่เห็นตรงกันว่า สาเหตุที่ประชาธิปัตย์แพ้มี 3 เหตุผลสำคัญ ประกอบด้วย

1. เชื่องช้า ไม่กล้าตัดสินใจ
2. บริหารงานไม่เป็น!
3. ไม่ติดดิน ไม่ใกล้ชิดประชาชน

รายงานฉบับดังกล่าวนั้น โดยเฉพาะข้อ 2 ก็สอดคล้องกับความเห็นที่ผมเขียนเอาไว้ชัดเจน ตั้งแต่ 6 มกราคม 2554 ในบทความ ชื่อ “บริหารแบบไม่บริหาร!... สู้แม้วไม่ได้เลย!!”
(http://vattavan.com/detail.php?cont_id=272)

นอกจากนั้น เอกชนผู้ทำการวิเคราะห์ ยังได้เปรียบเทียบภาพลักษณ์ ระหว่างพรรคประชาธิปัตย์กับพรรคเพื่อไทย และระหว่างนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ว่าที่หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ดังนี้...
เอกชนที่ทำการวิเคราะห์ เปรียบประชาธิปัตย์กับรถเบนซ์หางปลา หรือรถซีวิคเครื่องอีแต๋น และเปรียบเพื่อไทยกับรถเฟอร์รารีหรือรถ ‘คูโบต้า’ รุ่นอเนกประสงค์

ผมเองต้องขอบอกตรงๆว่า ไม่ได้เห็นด้วยกับผู้วิจัยไปเสียทั้งหมด ทั้งนี้เพราะการเปรียบเพื่อไทยกับรถเฟอร์รารี หรือรถ
คูโบต้าอเนกประสงค์ นั้น
พอรับกันได้...แต่...
การเปรียบเทียบเทียบประชาธิปัตย์ กับรถเบนซ์หางปลา หรือรถซีวิคเครื่องอีแต๋น นั้น
ไม่ถูกใจผมเลย แม้แต่สักนิด!

ทั้ง นี้ เพราะผมมองพรรคประชาธิปัตย์ เป็นเพียงแค่รถจักรยานสองล้อรุ่นโบราณ 60 กว่าปีที่แล้ว ที่ถูกทิ้งไว้ในโกดัง เพราะ แฮนด์คดบิดเบี้ยว คานกลางหักครึ่ง ตัวถังและโครงล้อผุพังเยินยับไปหมด ส่วนยางก็ขาดกะรุ่งกะริ่ง ทั้ง 2 เส้น เหลือแต่เศษซาก พอมองเห็นยี่ห้อเดิมของยางได้ลางๆ แต่คงต้องใช้แว่นขยายส่องดู จึงจะพอเห็นว่าเป็น ยี่ห้ออะไร?...ถึงกระนั้น
จักรยานคันนี้ ใช้การอะไรไม่ได้แล้ว ซ่อมก็ไม่ได้...ไม่คุ้ม!
สมควรถูกทิ้งไว้ก้นโกดังต่อไป หรือไม่ก็ขายไปเศษเหล็กให้เถ้าแก่เชียงกงเท่านั้น...

เรื่อ งการบริหารงานไม่เป็น อย่างที่ผู้วิจัยเขาได้รายงานนั้น ประชาชนคนไทยเราดูเหมือนจะมีความเห็น ไปในแนวทางที่ไม่ได้แตกต่างกัน เพราะเป็นที่ประจักษ์ ว่า
ปัจจุบัน นี้ มีคำพูดติดปากผู้คน หรือแม้กระทั่งเด็กๆ ที่พูดจาถึงนายมาร์ค มุกควาย และพรรคของเขา ไปในทิศทางเดียวกัน ด้วยวลีสั้นๆ แต่มีความหมายชัดเจน จนไม่ต้องอธิบายเพิ่มเติม
นั่นคือ

“ดีแต่พูด”

อย่างไรก็ตาม คนไทยเขามีความประหลาดใจอย่างมากต่อท่าทีและพฤติกรรมของ นายมาร์ค มุกควาย ในระนะนี้ กล่าวคือ
หลัง จาก ‘นายกฯปู’ ขวัญใจชาวไทยคนใหม่ ขี่อาชาสีขาวเข้ามาในแวดวงการเมืองเพียงสี่สิบกว่าวัน เธอได้ยกส้นส้นเท้าหุ้มส้นสูง ถีบนายมาร์ค มุกควาย...
ตกจาก ‘เก้าอี้นายกฯ’ ทันที!


อีตามาร์คเอง ก็เหมือนนักมวย ที่โดน ‘ส้นตีน’ หวดเข้าไปเต็มเปา หงายผึ่งฟาดลงกับพื้นเวทีดังป้าบ...
กรรมการนับสิบ...ไปเรียบร้อยแล้ว!

พอลุกขึ้นจากพื้นเวทีได้ ยังไม่หายมึนงง เดินขาแกว่งเป็นเลขแปด ส่ายตุปัดตุเป๋ไปมา พี่เลี้ยงต้องประคองเข้าไปยังม้านั่ง
ที่มุม เพื่อนวดเฟ้นให้ได้สติ ก่อนที่จะพาลงจากเวที

แทนที่จะหย่อนก้นลงพัก บนเก้าอี้หรือม้านั่ง สำหรับหัวหน้าฝ่ายค้าน แต่นายมาร์ค มุกควาย กลับมีอาการ ‘เมาส้นตีน’ ถึงกับดิ้นรน เรียกร้อง จะขอนั่งเก้าอี้ตัวใหญ่ ที่ตั้งไว้ที่มุมแดง ตรงกันข้าม ที่เขาจัดไว้สำหรับตำแหน่ง ‘นายกรัฐมนตรี’ ต่อไปอีก
แน่ะ ดูมันทำ!…

ผู้คนเขาหัวเราะเยาะ บอกว่า ไอ้หมอนี่มันคงเมาส้นตีน ถึงขั้นสมองเลอะเลือน จนมองไม่เห็นว่า ที่เก้าอี้ตัวนั้น นายกฯปูกำลังนั่ง เด่นสง่าผ่าเผยอยู่แล้ว เพราะเธอชนะเลือกตั้งอย่างเด็ดขาดแน่นอน...
ราษฎรพร้อมใจกัน...ปรบมือให้!

อาการทางประสาทของ นายมาร์ค มุกควาย ดูจะแกว่งไกว จึงได้แสดงท่าทีประหลาด ให้ผู้คนเห็นกันทั่ว นั่นคือ การออกอาการขยันเกินเหตุ

ตัวอย่างเช่น
การออกไปพบปะ เยี่ยมเยียนชาวบ้าน ที่ประสบภัยน้ำท่วมในหลายๆจังหวัด ที่พรรคดักดานมีผู้แทนราษฎรอยู่
ทำราวกับว่า ตัวเองยังเป็น...นายกรัฐมนตรีอยู่!

ผู้คนเม้าท์กันให้แซ่ด ว่า
“ไอ้หมอนี่...มันขยันผิดกาละเทศะ ดูท่าจะเพี้ยนใหญ่แล้ว!”
ตอนออก ไปเยี่ยมชาวบ้าน มิสเตอร์มุกควายก็ถือโอกาสวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาล ทำเป็นแนะนำรัฐบาลนายกฯปู อย่างโน้นอย่างนี้ ทั้งๆที่ตอนอยู่ในตำแหน่ง ผู้คนและสื่อสารมวลชน เขาก็พูดเป็นเสียงเดียวว่า
“ทำงานไม่เป็น!”

หนอยแน่...ตกเก้าอี้เพราะผู้คนไม่เลือก ยังเสือกทำเป็นข้าเก่ง มาแนะนำอีกแน่ะ!

คนเขาก็รู้ทันว่า แท้ที่จริงแล้ว ที่ไอ้หมอนี่มันมาเสนอหน้าอย่างที่เราได้เห็นกัน เพราะมันกลัว ‘ชาวบ้านลืม’ จึงดิ้นรนชิงพื้นที่ข่าวในหน้าหนังสือพิมพ์และโทรทัศน์ อีกทั้งจะได้ถือโอกาส
แขวะหรือหาเรื่องด่า ‘นายกฯปู’ ตามสันดานเดิม นั่นเอง!

แม้เราคนไทย ต้องทนกับพฤติกรรมแย่ๆ ของนายมาร์ค มุกควาย แต่ผมก็ต้องขอบคุณ และขอชมเชยชาวบ้านธรรมดาๆ
ที่มีความจำดีเหลือเกิน เพราะพวกเขาได้พากันออกมาวิจารณ์ ท่าทีของนายจอมเพี้ยนคนนี้ ด้วยคำพูดที่คมคาย ให้ผมได้ยินว่า
“ทีเวลาแม่งงงง...เป็นรัฐบาล พอน้ำท่วมเข้าเท่านั้น เสือกนั่งเงียบเป็นสากกะเบือสิบกว่าวัน ไม่รู้สึกรู้สา...”

คนพูดกระแอมนิดหนึ่ง แล้วพูดต่อ
“ต้องให้ไอ้โฆษก ช่อง 3 แย่งซีนลงไปพบชาวบ้านในพื้นที่น้ำท่วม เรี่ยไรเงินทอง เอาของไปแจกแทน...”

หยุดผ่อนหายใจ ก่อนตะโกนอย่างไม่พอใจ
“จนกูนึกว่า ‘ไอ้...สรเสี้ยม’ มันเป็นนายกฯ ซะแล้ว!”

แน่ะ...เขาพูดกันถึงขนาดนี้เลย จริงๆนะครับ
บรรดาสมาชิกและแม่ยกพรรคดักดาน ที่อ่านบทความนี้ ต้องรับรู้กันไว้ด้วย แล้วจงนำความที่ผมเล่ามานี้
ไปกรอกหู นายมาร์ค มุกควาย ให้มันสำเหนียก เอาไว้ด้วย!!

ที่แย่ยิ่งไปกว่านั้น ก็คือ
เมื่อปลายเดือนสิงหาคม ที่เพิ่งผ่านมานี้เอง ชาวบ้านที่ อ.ท่าศาลา จ.นครศรีธรรมราช นับพันคนต้องปิดถนนประท้วง เรียกร้องให้ "รัฐบาลใหม่" ของนายกฯคนสวย ช่วยจ่ายเงินชดเชยน้ำท่วม ตั้งแต่ปีกลาย ที่ตกค้างมาจาก "รัฐบาลก่อน" คือ รัฐบาลโลซกของไอ้ตัวตลกมาร์ค มุกควาย ให้ด้วย!
อ้าว...แล้วอย่างนี้...

ยังเสือกทำหน้าด้าน ขยันผิดเวลาอยู่ได้...[xxx]ส์!

ท่านผู้อ่าน ที่เคารพครับ

การ ออกมาแสดงอาการกร่าง ขยันผิดที่ผิดทาง ผิดเวล่ำเวลาอย่างนี้ ของหัวหน้าฝ่ายค้าน จะให้ผมพูดเป็นอย่างอื่นไม่ได้เลย นอกจากจะบอกว่า
นายมาร์ค มุกควาย กำลังออกอาการของ “หิ่งห้อยติดหอยหมา” ชัดเจน อย่างที่ผมได้เล่าให้ฟังไป เมื่อ 2 สัปดาห์ก่อน ในคอลัมน์ ประชาธิปัตย์ อย่าทำตัวเป็น ‘หิ่งห้อยติดหอยหมา’ (http://vattavan.com/detail.php?cont_id=318)
ใครที่ยังไม่ได้อ่าน ต้องคลิกเข้าไปดู!
พูดง่ายๆ ก็คือ
ไอ้หมอนี่มันยังโหยหา ยึดติดอยู่กับ ‘หัวโขน’ ตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
แม้จะโดนส้นตีน จนกระเด็น...ออกจากตำแหน่งแล้ว!

การที่นายมาร์ค มุกควาย ได้ประกาศจัดตั้ง “รัฐบาลเงา” โดย ให้เหตุผลว่า จะเอาอย่างประเทศอังกฤษ ชาติแม่แบบประชาธิปไตย แต่ผมมองอย่างคนไทยพุทธ ที่ได้ศึกษาธรรมะของพระพุทธองค์มาบ้าง ก็พอเข้าใจได้ว่า
นี่เป็นเรื่อง กิเลส อาสวะ ที่ยังคงค้างในใจของ นายมาร์ค มุกควาย หลังพ่ายแพ้ยับเยิน ต้องตกจากเก้าอี้นายกฯ
เลยทำใจไม่ได้ จน...ประสาทแดก!
จึงออกอาการเหมือน ‘หิ่งห้อย’ ที่ต้องคอยตอมดอมดม
‘หอยหมา’ แล้วส่งแสงวูบวาบ-พึ่บพรั่บ เพื่อขู่ให้หมาตัวอื่นกลัวนั่นเอง

ดังนั้น สำหรับผมแล้ว การออกมาป่าวประกาศของนายมาร์ค มุกควาย เรื่องจัดตั้ง “รัฐบาลเงา” “รัฐมนตรีเงา” หรือแม้กระทั่ง “นายกเงา” นั้น
พูดกันไม่อ้อมค้อม ตรงไปตรงมาเลยนะ...

“นายกฯเงา” อย่างนายมาร์ค มุกควาย นั้น ผู้คนในบ้านนี้เมืองนี้ ที่มีปัญญา เขาก็คงคิดเอง ได้ว่า

มัน ก็แค่ “ไอ้นายกฯเงี่ยน” ที่‘เงี่ยนมากๆ’ หรือ ‘เงี่ยนมาก-เงี่ยนมาย’ จนถึงขั้น ‘สุดจะเงี่ยน’ ด้วยความกระสันจัด จึงทะยานอยาก ที่จะกลับมาเป็น ‘นายกฯ’ อีกครั้ง นั่นเอง!!

.....โถ!!!

..................

ท้ายบท ตอนต้นบทความ ผมพูดถึงงานวิจัยที่น่าชวนหัว ของ กัลยา “อาซิ้ม...ฮัว” โสภณพนิช ประธาน ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งให้บริษัท เอกชนทำเพื่อ วิเคราะห์ว่า
“เหตุใดถึงแพ้การเลือกตั้ง”
ผมไม่เห็นด้วย กับรายงานเปรียบเทียบเทียบประชาธิปัตย์ กับรถเบนซ์หางปลา หรือรถซีวิคเครื่องอีแต๋น นั้นว่า
ไม่ถูกใจผมเลย แม้แต่สักนิด!

โดยได้แสดงความเห็น ต่อไปอีกว่า
ทั้ง นี้ เพราะผมมองพรรคประชาธิปัตย์ เป็นเพียงแค่รถจักรยานสองล้อรุ่นโบราณ 60 กว่าปีที่แล้ว ที่ถูกทิ้งไว้ในโกดัง เพราะ แฮนด์คดบิดเบี้ยว คานกลางหักครึ่ง ตัวถังและโครงล้อผุพังเยินยับไปหมด ส่วนยางก็ขาดกะรุ่งกะริ่ง ทั้ง 2 เส้น เหลือแต่เศษซาก พอมองเห็นยี่ห้อเดิมของยางได้ลางๆ แต่คงต้องใช้แว่นขยายส่องดู จึงจะพอเห็นว่าเป็น ยี่ห้ออะไร?...ถึงกระนั้น
จักรยานคันนี้ ใช้การอะไรไม่ได้แล้ว ซ่อมก็ไม่ได้...ไม่คุ้ม!
สมควรถูกทิ้งไว้ก้นโกดังต่อไป หรือไม่ก็ขายไปเศษเหล็กให้เถ้าแก่เชียงกงเท่านั้น...

เมื่อเขียนต้นฉบับจบ และได้อ่านตรวจทานแล้ว ผมเห็นว่า การวิพากษ์วิจารณ์ของตัวเอง ยังแหว่งไปหน่อย
เลยต้องขอเติมเสียให้เต็ม ตรงท่อนท้าย เพื่อความครบถ้วนสมบูรณ์ ว่า

สมควรถูกทิ้งไว้ก้นโกดัง หรือไม่ก็ขายไปเศษเหล็กให้เถ้าแก่เชียงกงต่อไป เท่านั้น

อ้อ...ยี่ห้อของยางรถจักรยาน 2 ล้อประชาธิปัตย์ ที่เลอะเลือนไปนั้น เมื่อใช้แว่นขยายส่องดูแล้ว
ปรากฏว่า เป็นยี่ห้อ...

ยาง EYE ครับ!!!

(***คอลัมน์ ประจำสัปดาห์ ตอน “นายกฯเงา-นายกฯเงี่ยน” (เงี่ยนจะเป็น ‘นายกฯ’ อีกครั้ง!!!) ออนไลน์ วันเสาร์ ที่ 17 กันยายน 2554)